ท่านสาธุชนทั้งหลาย
วันนี้ก็ยังเป็นวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ เสียงก็แห้งก็ต้องขออภัย เป็นตอนที่ ๒
ของเล่มที่ ๒๐ เมื่อตอนที่ ๑ มาค้างอยู่ตอนที่พระเจ้ายี่ตาย
แล้วก็ได้รับทรัพย์สมบัติของเจ้ายี่ ในฐานะที่เป็นลูกบุญธรรม
แล้วต่อมาพระเจ้าสามพระยาเข้าครองราชย์ ตอนนั้นพระเจ้าสามพระยาก็ยังไม่มีลูก
พอดีพระชายาหรือพระมเหสีของพระเจ้าสามพระยาก็มีความรักเหมือนลูกเช่นเดียวกัน แต่ว่าเป็นคนที่มีบุญน้อย
อายุไม่นานนัก โตไปประมาณ ๑๖ ปีก็ตาย เป็นไข้ตาย ปรากฏว่าตามที่ท่านเล่าให้ฟัง
ขณะที่พูดนั้น ก็ปรากฏว่าชายาของพระเจ้าสามพระยาก็มานั่งด้วย แล้วก็แต่งตัวสวยเหมือนกัน แสดงว่าทั้ง ๒ ท่านนี่เป็นนางฟ้า
ท่านบอกว่าท่านทำบุญมาก ก็เป็นอันว่าท่านก็เลยบอกว่าฉันก็มีความรักมาก เมื่อเด็กคนนี้ตาย
ความรักความอาลัยก็มีมาก คืนหนึ่ง หลังจากที่ตายไปแล้วประมาณ ๑๐ วันเศษ ๆ ก็นอนฝันตอนเช้ามืด
ว่าคนที่ตายไปนั่นคือคุณ มาเข้าฝันบอกว่า จะมาขออยู่กับแม่ด้วย แม่ก็โอบกอดในฐานะเป็นลูก
และในที่สุดก็ตื่น ขณะที่ตื่นหมายความยังไม่ละความกอด ยังกอดไว้ในอก แล้วก็ตื่นขึ้น
เดือนนั้นก็มีการขาดประจำเดือนทันที แสดงว่ากลับมาเกิดใหม่
ไปแค่ ๑๐ วันกว่าๆ มั้ง ไปไม่กี่วัน แล้วต่อมา ก็เป็นลูกของพระเจ้าสามพระยา ตอนนี้ก็ทิ้งไว้
เกิดเป็นเรื่องไม่ตรงประวัติศาสตร์มันจะยุ่ง เป็นเรื่องของผีเล่าให้ฟัง ก็ทิ้งไว้ก่อน
หลังจากนั้นมาคุยถึงความเป็นมาเก่าๆ ท่านเล่าให้ฟังหมด แต่พูดให้ฟังหมดไม่ได้ เพราะว่าจะไปขัดกับความเห็นคนอื่นเข้า
เรื่องผีพูดให้ฟังนี่ จะเชื่อได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของคน ต่อไปนี้ก็ขอเล่าตามเรื่องของผี เป็นอันว่าคุยกันเสร็จ ก็สว่างพอดี
เป็นอันว่าเจ้ายี่ก็มา พระเจ้าสามพระยาก็มา ท่านชายาก็มา ท่านก็คุยความเป็นมาให้ฟังทุกอย่างทั้งหมด
เป็นอันว่าเจ้าสามพระยานี่ท่านดีมาก เมื่อราชสมบัติต่าง ๆ พวกพี่ทั้ง ๒ องค์ ฆ่ากันตายเพราะทรัพย์
ท่านก็นำไปฝังไว้ สร้างใหม่ทั้งหมด เฉพาะธารพระกรในเวลานั้น เรียกว่าปลอกข้อมือ โคนแขนของเรายังหลวม คนสมัยนั้นโตมาก
ท่านมาในรูปเดิมของท่านใหญ่โตมาก แต่สวยนะ
ท่านที่เป็นผู้ชาย เจ้ายี่กะเจ้าสามพระยาก็สวย ท่านทั้ง
๒ คน ท่านผู้หญิงก็สวย ลักษณะสมส่วน ผิวเนื้อขาวเหลือง เหลืองมาก ก็สรุปตัดตอนท้ายตัวนี้
ไม่เข้าไปเกี่ยวประวัติศาสตร์ เดี๋ยวจะไปยุ่งประวัติศาสตร์
จะทำประวัติศาสตร์เขาเฝือ หลังจากนั้นมาก็เดินทางกลับวัด กลับวัดชิโนรส เมื่อตอนก่อนออกจากวัดชิโนรส
ก็ลืมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง หลังจากนั้น ก็กลับขึ้นมาเทศน์ใหม่อีก เขานิมนต์มาเทศน์ แต่ความจริงเมื่อรับเทศน์เนี่ย
ร่างกายมันดี แต่ว่ามา พอจวนจะถึงวันจะมาเทศน์ วันจะลงเรือเมล์มาเทศน์ เวลานั้นรถยังไม่มี
ต้องเดินทางทางรถไฟ ไม่อย่างนั้นก็มาเรือเมล์ ต้องมาเรือเมล์สะดวกกว่า มาเรือเมล์ก็ใช้เวลา
๓ - ๖ ชั่วโมง จากกรุงเทพฯถึงจังหวัดชัยนาท เมื่อถึงจังหวัดชัยนาทแล้วก็เดินทางต่อจากเรืออีกทีหนึ่ง
ไปขึ้นที่อำเภอสรรคบุรี ก่อนจะเดินทางวันนั้นก็เป็นไข้ ก็นึกในใจว่าเวลานี้ เรานิมนต์ใครแทนก็ไม่ทันแล้ว
ก็มีความจำเป็นต้องไป ความจริงไม่ใช่อยากได้สตางค์ แต่กลัวเขาจะเสียงาน ในการมาเทศน์
ความจริงการเป็นนักเทศน์นี่ก็ธรรมดาๆ แต่ว่าเขาบอกว่าฟังแปลกจากที่เคยฟังมาแล้ว นั่นก็หมายความ
เขาฟังจากองค์อื่นจนชิน และพระจากกรุงเทพฯไม่ค่อยได้มากัน เขาฟังนี่แปลกกว่าเขานิมนต์มาเทศน์หลายกัณฑ์ ขณะที่มาเทศน์ตอนั้น เขามีการบวชนาคข้าง ๆ วัด ๓ ราย
ก็มีกุฏิหลังหนึ่ง เจ้าของกุฏิชื่อเทียม ตาบอดทั้ง ๒ ข้าง เป็นหมอนวดเก่งมาก ท่านจัดที่นอนให้หน้ากุฏิ
จัดเตียงให้อย่างดี เครื่องนอนก็อย่างดีก็แล้วกันนะ ดีแบบชาวบ้านธรรมดา ๆ แบบชาวบ้านนะ
มีเตียงให้ มีผ้าห่มให้ มีมุ้งให้ มีหมอนให้ เรียบร้อยทุกอย่าง แล้วก็มีเด็กที่กุฏินั้นพร้อมรับใช้ทุกอย่าง
แล้วก็มีบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวบ้านที่นั่น เมื่อมาถึงแล้วท่านก็มาสงเคราะห์ มาเป็นเพื่อน
หาอาหารมาให้ ตอนเช้าอาตมาฉันข้าวต้ม ข้าวต้มนี่ฉันมานาน ตอนเช้า กระทั่งเวลานี้ตอนเช้าก็ฉันข้าวต้มเหมือนกัน พูดถ้าเสียงห้วนไป
รึว่าสำนวนไม่ดีในหนังสือ ก็ต้องขออภัยด้วย เวลานี้ยังป่วยอยู่
แล้วก็ตอนกลางคืนนอนลงไป เสียงลิเกละคร เสียงกลองดังรอบวัดอยู่
๓ ด้าน ในขณะที่นอนลงไปนั้น เวลาประมาณสัก ๓ ทุ่ม รึไม่ถึงดี ประมาณ ๒ ทุ่มเศษๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง
มายืนอยู่ที่หน้าปลายเท้าบนเตียง ผิวขาว มีหนวด ประเดี๋ยวหน้ายาว ประเดี๋ยวหน้าสั้น
ประเดี๋ยวหน้าใหญ่ ประเดี๋ยวหน้าเล็ก ประเดี๋ยวตัวสูงขึ้น ประเดี๋ยวตัวต่ำลง ก็นึกในใจว่าเวลานี้เราป่วย
จิตใจเราไม่ทรงตัว ถ้าไม่ป่วยนี่ไม่เป็นไรแน่ ถ้าผีอย่างนี้ถ้าขืนหลอก
ดีไม่ดีก็จับสองขาฟาดก็เท่านั้นเอง ทว่าใจโกรธยังไม่มี ยังนึกในใจว่าท่านมาแสดงแบบนี้
ถ้าหากว่าเราเป็นคนสบาย ๆ เราจะดูให้มันเพลิน เสียแต่ว่าเราไม่สบาย เผลอนิดเดียว
ผีสามารถทำอันตรายได้ ก็ยังไม่ทราบแน่นอนนัก ว่าผีนี่จะมาดีหรือมาร้าย ก็นึกถึงท่านเจ้ายี่พระยา นึกว่าท่านบิดาที่เคารพ
ได้โปรดมาที่นี่ประเดี๋ยวเถอะ เพราะเวลานี้อันตรายจะมีแล้ว เจ้ายี่พระยากับทหารคู่ใจของท่านก็มา
ก็บอกกับท่านว่าเมื่อกี้นี้มีผีมาหลอก ทำหน้าสั้นบ้าง หน้ายาวบ้าง ขอให้ท่านอยู่คุ้มครอง
ท่านก็บอก ผมอยู่คุ้มครองไม่ได้ขอรับ เพราะเวลานี้
ไอ้บ้าน ๓ บ้าน ที่มันมีกัน จะบวชนาคกันวันพรุ่งนี้ ที่คุณจะสวดนาค มันกินเหล้าเมายากัน
เขาบนผมไว้ให้ไม่มีเรื่อง ผมต้องไปคุมงาน แต่ก็ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวผมจะเรียกแม่คุณมา
ท่านก็เรียกชายาของท่านมา ท่านแม่ก็มา ท่านมาเต็มองค์ ทีนี้ไม่มาครึ่งองค์ ท่านมาถึงก็นั่งตรงเตียงข้าง
ๆ ละบอกคุณ หลับให้สบายเถอะ ฉันอยู่ที่นี่ ใครทำอันตรายไม่ได้แน่ ฉันขอยืนยัน เจ้ายี่ท่านก็ลาไป
เผลอ ๆ ท่านไปคุมงาน ขณะที่นอนหลับไปตื่นหนึ่ง พอท่านบอกให้หลับเถอะ ก็เริ่มง่วง แล้วก็หลับทันที ทั้งนี้ก็เป็นเพราะอานุภาพของผี พอประมาณตี ๒ ก็ตื่น เป็นเวลาธรรมดาของการเจริญกรรมฐาน ตี ๒ ตื่นขึ้นท่านยังนั่งอยู่ พอจะลุกขึ้นนั่งกรรมฐาน
ท่านบอกคุณไม่ควรจะนั่ง คุณเป็นไข้ การเจริญกรรมฐานนอนก็ได้ ไม่มีความจำเป็น ก็นึกว่า เอ ท่านแม่นี่มีประโยชน์มาก ท่านรู้ทุกอย่าง เมื่อนึกในใจแบบนี้
ท่านก็เลยบอกว่า ฉันเป็นนางฟ้านะ ท่านนึกอะไรนี่ฉันรู้หมด
ที่พระพุทธเจ้าสอน ฉันก็จำได้ ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ฉันก็ชอบเจริญกรรมฐาน
ชอบบูชาพระ และพระท่านก็เคยเทศน์สอนไว้ บอกว่านั่ง นอน ยืน เดิน มีผลเสมอกัน การทำสมาธิ คุณจะทำสมาธิ
ก็ทำตามสบายใจ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งหมด แม่อยู่ที่นี่ จนกว่าจะสว่าง พอสว่างแล้ว
เป็นหน้าที่ของพ่อเขา กลางคืนแม่จะมาช่วย ก็เลยทำสมาธิด้วยอาการนอน นอนภาวนาไปพิจารณาบ้าง ภาวนาบ้าง พิจารณาก่อน เมื่อพิจารณาด้วยกำลังวิปัสสนาญาณแล้ว
พอจิตสบาย จิตอยากจะหยุดก็เลยเริ่มภาวนา ใช้เวลาผ่านไปประมาณ ๒ ชั่วโมงเศษ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมาเลิก
เลิกเจริญกรรมฐาน ท่านก็ยังนั่งอยู่ ก็เลยถามท่านบอกว่า ถามท่านบอก ท่านทราบไหมว่า
ผีที่มาแสดงตน ที่มาแสดงให้ปรากฏ เขาตั้งใจมาหลอก ตั้งใจมาทำร้าย หรือมาล้อเล่น ท่านก็เลยบอกว่า
เวลาท่านมาที่นี่คราวไร ท่านก็บอกแค่พวกฉัน ฉันกับพ่อของคุณให้คุ้มครอง แต่ความจริง
เมืองนี้สมัยก่อนที่เจ้ายี่จะมาครอง ก่อนนู้นก็เป็นประเทศ ๆ หนึ่งเหมือนกัน
ประเทศเล็กๆ เป็นประเทศของชาวสุโขทัยมาครองอยู่ เขามีกษัตริย์สืบเนื่องกันประมาณ ๗
องค์ กษัตริย์ ๗ องค์นี้ท่านไม่เคยนึกถึงเขา ก็เลยบอกว่าไม่รู้ ท่านก็บอกว่าใช่
คุณไม่รู้ ถ้าคุณอยากจะรู้ คุณก็รู้ แต่ว่าคุณไม่อยากรู้
จึงไม่รู้ คุณก็บอกแค่พวกฉันให้มาคุ้มครอง แต่ว่าเขาก็เลยมาแสดงตนเขาอยากจะช่วยเหมือนกัน
ไอ้ที่มาแสดงแบบนั้น ที่เขามาให้กลัว ความจริงเขาไม่ได้มาแกล้ง เขาต้องการให้คุณรู้จักเขา
ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาก็จะช่วย ก็ถามว่าชาวสุโขทัยกับอาตมา มีส่วนเกี่ยวพันกันรึ
ท่านแม่ก็บอกว่า คุณก็เป็นคนสุโขทัยเหมือนกัน คุณเคยเกิดที่สุโขทัย เคยอยู่ในสมัยนั้น
แล้วคุณก็เคยเกิดที่เชียงแสน แล้วเหล่ากอของคุณก็มาอยู่ที่สุโขทัย แล้วก็พวกที่ขยายกันมาที่นี่ก็เช่นเดียวกัน ก็เป็นเหล่ากอของคุณนั่นเอง
เวลานี้เขาตายไปนานแล้ว ๗ องค์ด้วยกัน ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างงั้น ขอเชิญท่านทั้ง ๗ มาได้ไหม ท่านบอกว่าได้ เขาอยู่ที่นี่พร้อมแล้ว
แต่เขาไม่ให้คุณเห็นตัว ฉันมาอยู่นี่ เขาก็อยู่ด้วย เขาต้องการช่วยเหลือท่าน ก็ขอพบ กษัตริย์ทั้ง ๗ องค์ ก็ปรากฏองค์ขึ้น รูปร่างหน้าตาท่านก็สวย
บางองค์มีหนวด บางองค์ไม่มีหนวด ยิ้มแย้มแจ่มใสดี พูดดีมาก ก็ขออภัยท่าน บอกว่าในฐานะที่ไม่รู้มาก่อน จึงไม่ได้ขอความคุ้มครอง ต่อแต่นี้ไป
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้ามาจะบอกหรือไม่บอกก็ตาม ก็ถืออว่าขอให้ท่านคุ้มครองด้วย
ท่านก็พร้อมรับ ท่านก็เลยบอกว่า มันมีเรื่อง ๆ หนึ่งคุณ ที่คุณจะต้องช่วยแก้ทีวันนี้
เพราะเวลานี้ทางคณะสงฆ์ เขาห้ามวัดต่าง ๆ มีตลาดหน้าวัด ด้านหน้าของวัด ด้านหน้าโบสถ์หน้าวัดนี่มีไม่ได้แน่
แต่ว่าที่วัดนี้มีตลาดอยู่หน้าวัดหลายสิบห้อง ด้านแม่น้ำ เวลานี้ทางคณะสงฆ์
เขาต้องการเขาให้รื้อตลาด ถ้ารื้อตลาดมันก็หมายความว่า โอ้จะรื้อได้ยังไง มันตลาดใหญ่ไม่ใช่ตลาดเล็กนะ
มันเป็นตลาด ๒ ขั้น แล้วก็ ๒ แถว ยาวประมาณ ๘๐ เมตร โอ้ไม่ใช่ ยาวสักสี่ห้าร้อยเมตรล่ะมั้ง
มันโค้งยาวมาก หลายสิบห้อง เรียกว่าถ้านับเป็นห้อง อาจจะเกินร้อยห้อง ท่านบอกว่าเวลานี้เจ้าอาวาสกำลังหนักใจมาก
ไม่มีทางแก้ ก็ถามท่านว่าจะแก้ได้ยังไง ท่านบอกว่ามันเป็นวิธีง่ายๆ
เอาอย่างนี้สิ ทางด้านหลังวัดนี่มีทางรถยนต์วิ่ง เวลานั้นเขาก็ใช้รถยนต์ธรรมดา ๆ รถเข็นข้าว
ขนของ รถ ๑๐ ล้อนี่แหละ แต่ความจริงไม่ถึง ๑๐ ล้อมั้ง ๖ ล้อ ทำหลังคาทำเป็นรถสองแถว
วิ่งจากอำเภอสรรคบุรีไปชัยนาท เป็นทางด้านหลังวัด ท่านบอกว่าตอนเช้าให้แนะนำทางวัดเขา
และบรรดาทายกเขาจะมาหาท่าน คนจะมาหาท่านพรุ่งนี้เช้า
จะมาประมาณสิบคน ให้บอกว่าให้ย้ายหน้าวัด จากหน้าวัดมาเป็นหลังวัด เอาหน้าวัดที่ตลาดไปเป็นหลังวัดเสีย
ย้ายป้ายจากหน้าวัด มาตั้งที่หลังวัดที่ชายถนน มีกอไผ่อยู่
๓ กอ ให้เกรดกอไผ่ โค่นกอไผ่เสีย แล้วตั้งรั้วขึ้นมา ประกาศด้านนี้เป็นด้านหน้าวัด
แล้วท่านก็บอกบุญเขา ว่าทำกำแพงหน้าวัด ในวันพรุ่งนี้คนมา
๑๐ คน ท่านจะได้กำแพง ๑๒ ห้อง หลังจากนั้นจนกว่าท่านจะกลับ จะได้กำแพง ๓๐ ห้อง ที่มีคนเขาช่วยกัน
ก็เป็นอันว่าเมื่อท่านแนะนำแบบนั้น ก็เป็นอันว่า คุยกันไปคุยกันมา ก็สว่างพอดี พอสว่างแล้วก็ปรากฏว่า
คนที่เขาสงเคราะห์ก็นำข้าวต้มมาถวาย แล้วก็มีคนติดตามมานั่งคุยหลายคน พระนักเทศน์ไปที่ไหน
มีคนชอบมาคุย คุยไปคุยมา ตอนสายมันยังไม่ถึงเวลาสวดนาค จะสวดนาคต่อเมื่อถึงเวลาประมาณ
๓ โมงเช้า ตอนนั้นยังเช้าอยู่ ยังคุยกับคณะทายก ไม่ใช่ทายก ว่าโยมที่วัดนี้กำลังมีเรื่องใช่มั้ย
เขาถามว่าเรื่องขุดพระรึ ก็บอกไม่ใช่ เรื่องที่เขาจะให้รื้อตลาดหน้าวัดน่ะมีไหม โอ้
ท่านทราบจากใคร ก็เลยบอกเอางี้ก็แล้วกัน ยังไม่มีใครบอก แต่มีความรู้สึกว่า
ทางคณะสงฆ์เขาบังคับให้รื้อตลาดใช่ไหม ก็บอกว่าใช่ เมื่อท่านบอกว่าใช่ ก็เลยบอกเอางี้ก็แล้วกันโยม
เรื่องการรื้อตลาดเป็นของยาก เขาสร้างขึ้นมาเราไปรื้อ เราไม่มีสตางค์ให้เขานะ
นี่ประการหนึ่ง ทางด้านหลังวัดนั้นก็มีกอไผ่มาก แต่ว่าส่วนที่เป็นถนน
มีกอไผ่อยู่แค่ ๓ กอ นอกนั้นก็มีกอไผ่และต้นไม้ใหญ่มาก เราจะให้ตลาดไปตั้งที่นั่น มันก็ทำไม่ได้แน่นอน
ค่ารื้อถอน ค่าหาที่ดินให้เขา เรื่องมันจะยาวมาก เพราะในที่สุดเราก็จะเป็นศัตรูกับคนหลายร้อยคน
วัดจะไม่มีความสุข เขาก็ถามว่าจะทำยังไง ก็เอายังงี้ก็แล้วกัน
ไม่ต้องรื้อตลาด ให้ไปนิมนต์เจ้าอาวาสมา เจ้าอาวาสก็มา ก็ถามว่า ผมคิดว่าอย่างงี้ครับ
เวลานี้ท่านกำลังมีทุกข์เรื่องตลาดหน้าวัดใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช้ ผมนอนไม่หลับ
หาทางออกไม่ได้ ก็เลยบอกว่า เมื่อคืนนี้ผมฝันไป ว่ามีเทวดาที่นี่เป็นเจ้าเมืองที่นี่
๗ องค์ ก็มีท่านเจ้ายี่ ภรรยาท่านเจ้ายี่
ทหารท่านเจ้ายี่มาด้วย ท่านบอกว่าท่านกำลังมีทุกข์เรื่องนี้ ท่านแนะนำให้ย้ายป้ายหน้าวัดมาปักที่หลังวัดด้านข้างถนนที่รถวิ่ง
แล้วก็เอารถเกรดหรือว่าใช้คนก็ได้ ตัดกอไผ่ออก แล้วก็ทำกำแพงจากหน้าวัดมาหลังวัด เอาหลังวัดเป็นหน้าวัด
จากนี้คณะสงฆ์จะทำอะไรเราไม่ได้เลย เพราะด้านตลาดเป็นหลังวัดไปแล้ว เขาห้ามตั้งหน้าวัด นี่เราตั้งหลังวัด
เราย้ายหน้าวัดมาใหม่ ในที่สุดท่านเจ้าอาวาสก็ยิ้มออกมาได้ บอกแหม ผมนึกไม่ออกมานาน
ผมก็พูดกับชาวตลาด ชาวตลาดเขาก็ไม่ยอม ไม่รู้เขาจะไปอยู่ที่ไหนได้ ผมก็เห็นใจเขา ผมตัดสินใจว่าการฝ่าฝืนคราวนี้ ถ้าทางคณะสงฆ์จะสึกผมก็ยอม
เพราะว่าผมแก้ไขไม่ได้ เลยบอกว่าเอางี้ก็แล้วกันโยม ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ไอ้รั้วกำแพงนี่คิดกันเป็นห้อง
สักห้องละ ๖๐๐ บาท อาตมาขอเอา ๑ ห้อง ญาติโยมจะรับไหม ญาติโยมที่นั่น ๑๐ คน
รับไปจริง ๆ ๑๒ ห้อง พอตอนเย็น เทศน์เสร็จ พอเขารู้ข่าวกันเข้า
ก็มารับอีก รวมแล้วทั้งหมด ๓๐ ห้อง
ตรงกันกับที่ผีบอก เป็นอันว่าท่านแม่ช่วย ช่วยอาตมาด้วย ช่วยวัดด้วย และช่วยคนในตลาดให้มีความสุข เวลานี้ชื่อรั้วที่วัดศีรษะเมือง อำเภอสรรคบุรี
ยังมีชื่อพระมหาวีระ ถาวโรอยู่ มีอยู่ ๑ ห้อง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้
เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ บรรดาท่านพุทธบริษัท แต่ว่าบางทีบางท่าน ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องผี
ยังคิดว่าผีนี่ร้ายไปซะทุกอย่าง แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น ผีที่ดีก็มี หลังจากนั้นมาแล้วก็
ก็ยังจะอยู่เทศน์ต่อไปอีก ขณะที่อยู่เทศน์ทุกคืน เวลาค่ำลงมา หลังจากคุยกะคนแล้ว
ท่านทั้ง ๗ พร้อมทั้งภรรยาท่านเจ้ายี่ ท่านเจ้ายี่ ทหารของท่านก็มา เหมือนกันทุกคืน ท่านก็มานั่งคุยบ้าง เล่าความเป็นมาต่างๆ บ้าง ตั้งแต่สมัยสุโขทัย พวกคณะที่อพยพมาจากสุโขทัย คือจริง ๆ แล้วพวกนี้อพยพมาจากเชียงแสน
มาจากเชียงแสนมาพักที่ศรีสัชนาลัย เห็นทางอำเภอสรรค์นี่ว่างก็ยกกันมาอยู่ทีนี่บ้าง
เลยไปที่จังหวัดสุพรรณบุรีบ้าง ก็เป็นอันว่า ความเป็นมาต่างๆของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์จากผี
กะประวัติศาสตร์จากหนังสืออาจจะไม่เหมือนกัน ก็เป็นอันว่าคนที่อำเภอสรรค์ก็เป็นคนจากเชียงแสน
มาพักที่ศรีสัชนาลัย นี่อีกกลุ่มหนึ่งก็เลยไปที่จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็ต่อมากลุ่มคนทั้งหลายเหล่านี้ก็ยกตนขึ้นเป็นกษัตริย์ครองเมือง
ในการครองเมืองนั้น ก็เป็นกันมาหลายชั่วบุคคล ต่อมาก็เข้ามาครองกรุงศรีอยุธยา
ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน เป็นอันว่าเจ้ายี่พระยานี่เป็นลูกของพระเจ้าอินทราชา หรือเจ้านครอินทร์
เจ้านครอินทร์นี่เป็นน้องชายของขุนหลวงพะงั่ว ขุนหลวงพะงั่วเคยครองเมืองสุพรรณบุรีมาก่อน
กับพระเจ้าอู่ทอง เป็นอันว่า กลุ่มกษัตริย์กรุงเชียงแสน มาเกาะที่สุโขทัยด้วย มาเกาะที่สรรคบุรีด้วย
เกาะที่ชัยนาท เกาะที่สุพรรณบุรีด้วย แล้วเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยา เอาล่ะบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า
วันนี้ก็เต็มที เสียงก็แย่ แรงก็ไม่มี แต่ก็ไม่เป็นไร เล่าสู่กันฟังไว้ เกรงว่าเทปมันจะขาด
หนังสือจะขาดมือ ก็จึงจะมีความจำเป็นต้องทำ เสียงก็แหบก็แห้ง พูดก็ขาดตอนไม่สละสลวย
รวมความว่าอาตมาเอง เมื่อสัมผัสกับผีในป่า ก็ยังต้องมาสัมผัสกับผีในเมือง
แต่ก็เป็นเมืองเก่า แต่ว่าเป็นที่น่าปลื้มใจว่า ผีเล่าความเป็นมาได้ดีมาก เล่าประวัติศาสตร์ตั้งแต่เชียงแสน
ท่านคุยหลายคืน ตั้งแต่เชียงแสนเป็นต้นมานู่น เรื่อยมาถึงศรีสัชนาลัย แล้วก็เรื่อยมาถึงการอพยพกันมาถึงสรรคบุรี
สรรคบุรีนี่มาตั้งที่หลัง พวกที่จังหวัดสุพรรณบุรีมาก่อน
แล้วก็อยู่ทางอู่ทอง แล้วต่อมาอีกพวกหนึ่ง ก็มาตั้งที่อำเภอสรรคบุรี ที่เขตเมืองสรรคบุรี
เรียกกันว่าเมืองสรรค์ ๆ เวลานั้น แล้วก็ต่อมาเข้าถึงกรุงศรีอยุธยา พอถึงสมัยพระเจ้าอู่ทองท่านตาย
แล้วก็ลูกชายขึ้นครองราชย์ ตอนนี้ขุนหลวงพะงั่วเข้ามายึดอำนาจครองเสียเอง
ในฐานะที่เป็นลุง ตอนนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท บางท่านอาจจะมีความเข้าใจว่า
ขุนหลวงพะงั่วนี่มีความโลภมาก แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น
การยึดอำนาจถ้าเขายึดกันจริง ๆ ต้องฆ่าพระราชาที่ครองอยู่ แต่ความจริงขุนหลวงพะงั่วไม่ได้ฆ่า
ให้หลานชายไปอยู่ที่เมืองลพบุรี เพราะเวลานั้น ในขณะที่หลานชายครองราชย์ มีบรรดาข้าราชการที่หวังจะยึดอำนาจมีอยู่
แต่ว่าขุนหลวงพะงั่วเป็นนักรบ มีกำลังทหารมาก จึงเข้ามายึดอำนาจเสีย พวกนั้นไม่สามารถจะยึดอำนาจได้
ถ้าเขายึดอำนาจได้ หลานชายเขาต้องตาย และขุนหลวงพะงั่วก็จะต้องรบทัพจับศึก กับคนทั้งหลายเหล่านั้น
คือพวกอยุธยากับสุพรรณต้องรบกัน จะต้องเสียเลือดเนื้อบรรดาประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาก
เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม จึงได้ยกกำลังเข้ามายึดอำนาจ เมื่อยึดอำนาจแล้วก็บอกกับหลานชาย
ก็เลยบอกว่าให้ลุงครองก่อน ถ้าหลานครองต่อไปคงได้ไม่กี่วัน ท่านหลานชายก็ทราบ
ก็ยอมรับ แล้วให้ไปครองที่ลพบุรี ความจริงก็ไม่ได้ตัดอำนาจอะไร
ยังเป็นเจ้าเมืองอยู่ เอาล่ะ บรรดาท่านทั้งหลาย ความเป็นมาของชีวิต คิดว่าวัดนี้จะต้องถูกรื้อตลาด ก็ไม่ต้องถูกรื้อเพราะกำลังของผี เรื่องทั้งหลายเหล่านี้
บรรดาท่านพุทธบริษัท ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ก็ตรงกับคำพยากรณ์ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่าการตายมีสภาพไม่สิ้นสูญ
ไม่สูญ ตายแล้วมีการเกิด ถ้าไม่เกิดเป็นคน ก็เกิดเป็นเทวดา
เกิดเป็นนางฟ้า เกิดเป็นพรหม เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน
เวลานี้ท่านพุทธบริษัททุกท่าน การเกิดของท่านไม่ไร้สาระ สามารถเล่าประวัติความเป็นมาต่าง
ๆ ได้และอาตมาพูดไม่ไหว ถ้าขืนพูดไปไม่มีใครเชื่อไม่พูดดีกว่า เวลานี้ก็หมดเวลาแล้ว
ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูลผล จงมีแก่บรรดาพุทธศาสนิกชนผู้อ่านผู้รับฟังทุกท่าน
สวัสดี
0 ความคิดเห็น: