วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ร้อนจนตับแตก! ตับคนเราแตกได้จริงหรือ?

เพื่อนๆ คงจะได้เคยได้ยินสำนวนที่ว่า "ร้อนจนตับแตก" กันมาบ้างแล้ว แต่เพื่อนๆเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ตับคนเรามันแตกได้จริงๆหรือ 

วันนี้แอดมินปลาช่อนจะมาเฉลยให้เพื่อนๆได้รู้กันครับ

จริงๆแล้ว ตับแตกที่ว่านั้นไม่ใช่ตับคน หรือตับสิ่งมีชีวิตใดๆ หากแต่เป็น "ตับจาก"

ภาพใบจากที่ถูกนำมาเย็บเรียงกัน เรียกว่า "ตับจาก"

โดยในสมัยก่อน คนไทยนิยมมุงหลังคาบ้านเรือนด้วยใบจาก โดยการนำใบจากมาเย็บเรียงๆกัน เรียกกันว่า "ตับจาก" 

หากวันไหนแดดเปรี้ยงอากาศร้อนจัด ใบจากที่ถูกเย็บเรียงกันก็จะเกิดอากาศยืดตัวเบียดเสียดกันจนเกิดเสียงดัง "เปรี๊ยะ" 

นี่จึงเป็นที่มาของสำนวนเปรียบเทียบสภาพอากาศร้อนจัดว่า "ร้อนตับแตก" นั่นเอง


วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

แนะนำเบสโครงร่างสำหรับทำปกนิยาย วาดรูปสวยๆ

 

สวัสดีค่ะทุกคน ปลาทูเอง วันนี้เรามาป้ายยาเอ้ย มาแนะนำ!! หุหุ 😋

ช่วงนี้เราก็รู้กันเนอะว่าสภาพเศรษฐกิจเป็นยังไง หลายคนก็พยายามหารายได้เสริมใช่มั้ยล่ะ 

และเราก็ทำสิ่งนั้นอยู่เหมือนกัน และอยากเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนหารายได้เสริมได้เยอะๆ ลงทุนน้อยๆ

เราเลยเปิดเหมางานเบสสำหรับวาดรูปค่ะ จะเป็นอนาโตมี่ท่าทางต่างๆของมนุษย์ ได้ไปคุ้มมากๆ ไม่ใช่แค่รับทำปกนิยายแต่เพื่อนๆยังสามารถเอาไปรับงานคอมมิชชั่นอย่างอื่นได้อีกด้วย ไปดูตัวอย่างงานกัน!

การส่งงานจะส่งให้ทางไดร์ฟโดยการดึงอีเมลเข้า สามารถเปิดดูได้ตลอด








ไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์เพราะเราวาดเองทุกงาน ท่าทางต่างๆเราไม่ได้ออกแบบเองนะคะ แต่ได้มาจากหนังสือเรฟเฟอร์เร้นซ์ต่างๆ เช่น Made with the Manga Artist: Japanese BL (Boys Love) Pose Collection 3 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่เล่มละ 1000 บาท โดยประมาณ ทุกคนก็สามารถหาซื้อมาไว้ใช้เองได้ แต่ถ้าเพื่อนๆเข้ากลุ่มกับเราไม่ต้องจ่ายแพงก็ได้งานปังๆเหมือนกัน 

ใครสนใจสามารถแชทไปสอบถามที่เพจได้เลย https://m.facebook.com/reebpla2/


รถบัสนำเที่ยวทั่วไทย วาณิมณทรานสปอร์ต

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563

12 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ"สถานีรถไฟอุตรดิตถ์" ความยิ่งใหญ่ที่ถูกทำลายไปพร้อมสงครามโลกครั้งที่ 2


"สถานีรถไฟอุตรดิตถ์" นับเป็นสถานีรถไฟที่สำคัญแห่งหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้สถานีรถไฟแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางการขนส่งโดยรถไฟในภาคเหนือ ที่นี่จึงถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ แต่ทั้งหมดได้ถูกทำลายจากระเบิด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในปัจจุบันยังคงหลงเหลืออะไรให้เราได้รำลึกถึงอดีตของสถานีรถไฟที่ขึ้นชื่อว่ามีสถาปัตยกรรมที่งดงามแห่งนี้บ้างนะ

เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ "สถานีรถไฟอุตรดิตถ์"
1. สถานีรถไฟอุตดิตถ์ อยู่ห่างจาก สถานีรถไฟกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 485.17 กิโลเมตร
2. สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2453
3. ชาวอุตรดิตถ์ได้เห็นรถไฟเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2450 ต่างพากันพูดกันไปต่างๆ นาๆ ด้วยความตื่นเต้น บ้างว่า เสียดายคนที่ตายไปก่อนไม่ทันเห็นรถไฟ บ้างโต้เถียงกันว่ารถไฟวิ่งได้อย่างไร
4. ในขณะนั้น อุตรดิตถ์ มีเจ้าเมืองชื่อ "พระยาสุจริตรักษา (เชื้อ)"
สถานีอุตรดิตถ์ และ สถานีรถไฟศิลาอาสน์ มีระยะห่างจากกันเพียง 2.188 กม.เท่านั้น

5. สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน ชื่อนาย คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง ผู้ซึ่งเคยออกแบบสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งในประเทศไทย
6. สถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า "โมเดิร์นสไตล์" โดยมีป้อมตากอากาศอยู่กลางอาคาร ในขณะนั้นนับได้ว่ามีลักษณะสูงใหญ่และสวยงามกว่าสถานีรถไฟแห่งอื่น ๆ
7. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการรื้อป้อมออก แล้วสร้างหลังคาคลุมไว้ เพื่ออำพรางไม่ให้เป็นเป้าในการโจมตีของฝ่ายสัมพันธมิตร 
8. สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ถูกโจมตีด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดอย่างหนัก ทำให้อาคารได้รับความเสียหายอย่างมาก
ภาพถ่ายสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ในอดีต


9. หลังจากนั้น จึงได้สร้างสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ขึ้นใหม่ บนเนื้อที่เดิม เป็นลักษณะอาคารแบบไทยประยุกต์ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
10. หอนาฬิกาเมืองอุตรดิตถ์ ก็ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับสถานีรถไฟหลังใหม่นี้เอง
11. สถานีรถไฟศิลาอาสน์ ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากปัญหาความคับแคบของพื้นที่สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ซึ่งมีระยะทางห่างกันเพียง 2.188 กิโลเมตรเท่านั้น นับได้ว่าเป็นสถานีรถไฟที่ระยะทางใกล้กันมากที่สุด
12. ปัจจุบัน สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ ถัดจากสถานีเดิมมาทางทิศเหนือ 200 เมตร มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านหน้าเป็นชานชาลา ด้านหลังเป็นอาคารพาณิชย์ นับได้ว่าเป็นสถานีรถไฟที่ดูแปลกตาจากที่อื่นๆ

ภาพแสดงบรรยากาศภายในอาคารผู้โดยสารสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน

แม้วันเวลาจะผ่านไป และความยิ่งใหญ่ของสถานีรถไฟแห่งนี้ จะถูกทำลายลงไปพร้อมกับสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เรื่องราวของความยิ่งใหญ่เหล่านี้ จะยังคงเป็นความภาคภูมิใจของคนอุตรดิตถ์ต่อไป

"รู้อย่างเป็ด" ไม่ดีตรงไหน??


ถ้าพูดถึง "เป็ด" ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักดีนะ แบบว่า ฉันไม่สนใจหรอก...ว่าโลกจะเป็นยังไง ฉันหากินของฉันชิลๆ อะไรแบบเนี๊ยะ ผมว่าโอเคเลยนะ คือมันใช่อะ แบบว่า เออ..ใช่เลย นี่แหละชีวิตที่ผมอยากจะเป็น...

ผมว่า เราค่อนข้างจะผูกพันกับเป็ดมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ ลองนึกภาพตอนเรานั่งร้องเพลง "เป็ดอาบน้ำในคลอง" สมัยตอนเรียนชั้นอนุบาลดูสิ ผมว่าทุกคนคงจำได้ นึกทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที

นอกจากเพลงเป็ดแล้ว ยังมีสุภาษิตหนึ่งที่ได้ยินกันบ่อยๆ นั่นก็คือ "รู้อย่างเป็ด" 
ความหมายน่ะหรอ ก็ประมาณว่า รอบรู้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้เรื่องซักอย่าง ก็เหมือนเป็ดน่ะแหละ ว่ายน้ำได้ ดำน้ำได้ บินได้ ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่เก่งซักอย่าง
บินได้ ก็แค่นิดๆ หน่อยๆ บินได้สูง 3 ฟุตจากพื้น ก็ถือว่าเก่งแล้วล่ะสำหรับเจ้าเป็ด
ว่ายน้ำได้ ก็แค่ประมาณว่ากูลอยได้ แค่นั้น
ดำน้ำได้ ก็แค่แบบว่า กูดำได้แต่หัว

ก็นี่แหละน้าาา เจ้าเป็ด...ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่เก่งซักอย่าง
เหมือนคนที่รอบรู้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งซักอย่าง สู้คนที่รู้อย่างเดียวแต่ชำนาญ ก็ไม่ได้
ดังสุภาษิตอีกบทหนึ่งที่ว่า "สิบรู้ ไม่เท่าชำนาญ"

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบนั้น จะอาศัยศาสตร์และศิลป์ที่ตนชำนาญอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีความรอบรู้ด้วย
คนที่รู้เพียงอย่างเดียว ชำนาญอย่างเดียว อาจจะหากินได้นะ เอาตัวรอดได้ แต่จะขึ้นมาเป็นผู้นำคนไม่ได้ ประมาณนั้น

สำหรับผมแล้ว หากใคร ต้องการแค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมว่าใช้ชีวิตอย่างเป็ด รู้อย่างเป็ดก็ดีนะ
มันมีความรู้ แค่เพียงเอาตัวรอดได้ แต่ก็มีความสุขในทุกๆวัน ใช้ชีวิตในทุกๆ วัน อย่างมีความสุข แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว... งงมั๊ย? 
งง ผมเองก็งง

by ปลาช่อน

ปักหมุดห้องพักสุดชิคในเชียงใหม่ กับ kame



คราวก่อนได้มีโอกาสนั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่ 
แล้วรู้สึกประทับใจในความเป็นเชียงใหม่เอามาก 
เลยตั้งใจเอาไว้ว่า คราวหน้าต้องไปเยือนอีกแน่ ๆ 

วันนี้เราเลยขอปักหมุดห้องพักเอาไว้เป็นตัวเลือก
เผื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวเชียงใหม่อีก คงไม่พลาดที่จะได้ไปสัมผัสแน่นอน

คาเมะ ถือว่าถูกใจเรามาก ๆ เพราะอยู่ใจกลางเชียงใหม่
แถมยังใกล้ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์อีกต่างหาก
เรื่องของราคา ก็ถือว่าสบายกระเป๋าเอามาก ๆ 
เอาเป็นว่า ไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่า
ที่ตั้งถือได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว 
การเดินทางสะดวกสบาย แถมยังไม่ไกลจากสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ อีกด้วย
  • สถานีรถไฟ 20 นาที
  • สนามบิน 20 นาที
  • นิมมาน 15 นาที
  • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 20 นาที
  • ถนนคนเดิน 10 นาที
  • ท่าช้าง 3 นาที
  • ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ 150 เมตร












เป็นไงล่ะ คิดว่าคงถูกใจใครหลาย ๆ คน 
แต่ที่แน่ ๆ ถูกใจปลาทูปลาช่อนแน่นอนนะขอรับ

เพื่อน ๆ คนไหน สนใจ
สามารถสำรองที่พักได้ที่
หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-6289962 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Nick Leeson ชายหนุ่มผู้พลิกธนาคารเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ ให้กลายเป็นแค่ตำนาน


เรื่องราวของหนุ่มนักซื้อขายหลักทรัพย์ 
ที่ทำให้ธนาคารเก่าแก่ที่สุดในประเทศอังกฤษต้องปิดตัวลง

เขาคือ Nick Leeson ชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่ง 
ที่โชคชะตาได้พลิกผันให้เขาได้มีโอกาสเข้าทำงาน
ในธนาคาร Barings ซึ่งเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ

ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเขา 
ทำให้เขาได้ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้จัดการสาขาที่ฮ่องกง

เขาเลือกที่จะลงทุนโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง 
และในหลาย ๆ ครั้ง เขาได้ฝ่าฝืนกฎของธนาคาร 

ซึ่งเป็นกฎธรรมดาของการลงทุน เมื่อความเสี่ยงมาก 
ผลตอบแทนย่อมมากตามไปด้วย 
และเขาได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล 
โดยในช่วงต้นปี 1992 
เขาสามารถสร้างกำไรให้ธนาคารได้มากถึง 400 ล้านบาท 

และแล้วในที่สุด 
เขาก็ประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก

เขาพยายามปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น 
และปกปิดข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้ 
ด้วยการเขียนรายงานว่า 
นั่นเป็นผลของการส่งคำสั่งซื้อที่ผิดพลาด 

ถึงกระนั้นก็ตาม 
เขายังคงเดินหน้าต่อไป 
และยังคงทุ่มใช้เงินในการลงทุนที่หนักกว่าเดิม 
เพียงเพื่อให้คุ้มกับส่วนที่ขาดทุนไป 
และนั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของเขา

ในช่วงปลายปี 1993 ตัวเลขขาดทุนที่ถูกปกปิดไว้ สูงถึง 900 ล้านบาท

เมื่อเห็นว่าไม่อาจกู้สถานการณ์ให้กลับมาดังเดิมได้ 
เขาจึงได้ตัดสินใจหนีความผิดที่เขาก่อขึ้น 
ด้วยการหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย 

เมื่อสำนักงานใหญ่ที่อังกฤษทราบข่าว 
จึงทำการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที 
และพบว่าธนาคารมีตัวเลขขาดทุนที่เขาปกปิดไว้ 
สูงถึง 40,000 ล้านบาท

3 วันหลังจากนั้น 
ธนาคาร Barings ที่ก่อตั้งมานานถึง 233 ปี 
ก็ประกาศล้มละลาย

ธนาคาร Barings ได้กลายเป็นแค่ตำนาน 
เพียงเพราะการกระทำของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น 
และนี่จะเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ให้องค์กรธุรกิจในยุคหลังได้เรียนรู้ต่อไป

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Asia Direct Broker จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับคนมีรถ ผ่อนสบายๆ 0% นาน 12 เดือน


Asia Direct Broker จัดโปรโมชั่นประกันภัยรถยนต์สุดพิเศษ 

ผ่อนสบายๆ ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 12 เดือน

ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้
 
ADB มาพร้อมกับบริษัทประกันภัยชั้นนำต่างๆมากมาย 
เช่น วิริยะประกันภัย 
สินมั่นคงประกันภัย
 เอเชียประกันภัย 
ทิพยประกันภัย 
แอลเอ็มจีประกันภัย 
ประกันภัยไทยวิวัฒน์ เป็นต้น 

>>>สนใจคลิก<<<


Tom Moore คุณตาผู้เดินไปกลับในสนามหน้าบ้านครบ 100 รอบ ได้รับยศอัศวินแล้ว


ควีนอังกฤษมอบยศอัศวินให้คุณตาผู้กล้า
คุณตา Tom Moore ทหารผ่านศึกชาวอังกฤษวัย 99 ปี 
สร้างภารกิจในการเดินไปกลับในสนามหญ้าหน้าบ้านจำนวน 100 รอบ 
เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือโควิด

คุณตาใช้ไม้เท้าช่วยเดินรอบสนามหญ้า
คิดเป็นระยะทางทั้งหมดประมาณ 2.5 กิโลเมตร 
โดยมีวัตถุประสงค์ให้เพื่อนบ้านเห็นในความตั้งใจอันแรงกล้า 
และร่วมบริจาคเงินเป็นจำนวน 1,000 ปอนด์ 
มอบให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในการรับมือกับโควิด


แต่เงินบริจาคที่ได้รับนั้นกลับเกินความคาดหมายของคุณตาไปมาก 
เพราะเรื่องราวความพยายามของคุณตาถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว 
จนจำนวนเงินบริจาคพุ่งสูงถึง 1 ล้านปอนด์ตั้งแต่ยังไม่ทันถึงกำหนดเริ่มเดิน 
จนกระทั่งเดินครบ 100 รอบ ยอดบริจาคก็พุ่งสูงถึง 33 ล้านปอนด์ หรือ 1,300 ล้านบาทเลยทีเดียว

ล่าสุดทางการของอังกฤษได้จัดพิธีมอบยศอัศวินให้กับคุณตา 
ในฐานะผู้กล้าหาญและเสียสละเพื่อชาติ 
โดยควีนอลิซาเบธที่ 2 ทรงพระราชทานยศด้วยพระองค์เอง 





ที่มา สำรวจโลก

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สาเหตุที่น้องหมาชอบยื่นหัวออกมานอกรถ



          เราต่างรู้กันดีว่าลมที่กระทบในตอนที่รถแล่นอยู่นั้นมันรุนแรงขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหมาน้อยสุดที่รักของเรามันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้านแรงลมได้ดีเลยทีเดียว สังเกตไหมว่าในตอนที่เราขับรถ และมีเจ้าหมานั่งไปด้วยนั้นมันจะชอบยื่นหัวออกไปนอกรถ และโต้ลมอย่างดุเดือด เป็นเพราะอากาศที่บริสุทธิ์หรือมีอะไรมากกว่านั้นกันนะ?

          น้องหมาส่วนใหญ่จะชอบมีพฤติกรรมแปลก ๆ ที่ทำให้พวกมันดูน่ารักเพิ่มขึ้น อย่างเช่น การไล่งับหาง การเตะขาเพื่อเกาพุง รวมไปถึงการใช้หน้าโต้ลมบนรถ


"การนั่งรถยนต์กับสุนัข"
          การยื่นหัวออกไปนอกรถของสุนัขไม่ได้รับความสนใจมากนักในการวิจัยพฤติกรรมสัตว์ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญที่เกิดนึกสงสัยว่าทำไมเวลาเราเปิดกระจกรถยนต์สุนัขถึงคิดว่านั่นคือช่วงเวลาแห่งความสุข และมันไม่ใช่เพราะความดีใจที่จะได้ออกไปผจญภัยนอกบ้าน


          Natalie Zielinski ผู้อำนวยการฝ่ายงานพฤติกรรมของ Wisconsin Humane Society กล่าวว่า
"สุนัขได้รับการกระตุ้นการดมกลิ่นมากขึ้นเมื่อหัวของพวกมันยื่นออกไปนอกรถ แม้กระทั่งการที่ลดกระจกลงแค่ไม่กี่นิ้วก็ดูเหมือนว่าจะช่วยกระตุ้นและเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของพวกมันได้แล้ว"

          อย่างที่รู้กันว่าระบบดมกลิ่นของสุนัขนั้นมีการพัฒนาที่เหนือกว่าของคนเรา จมูกของสุนัขนั้นมีความซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกตและมีตัวรับสัมผัส (receptors) ถึง 300 ล้านตัว เมื่อเทียบกับคนที่มีตัวรับสัมผัส (แบบกากๆ) แค่ 5 ล้านตัว การที่มีตัวรับสัมผัสมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้จมูกไวมากขึ้นเท่านั้น

          จมูกของสนุขไม่ใช่แค่น่ารัก แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งสำคัญสองอย่างนั่นคือ การหายใจ และการทุ่มเทในการดมกลิ่น เหนือสิ่งอื่นใดเปลือกสมองส่วนรู้กลิ่นของสุนัขนั้นมีขนาดใหญ่กว่าของคนถึง 40 เท่า

          ทั้งหมดนี้เองที่ทำให้การเลื่อนกระจกรถลง ราวกับเป็นเทพนิยายแห่งการดมกลิ่นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของสุนัข

          Jennifer Cattet นักวิจัยพฤติกรรมสัตว์ กล่าวว่า "เมื่อยื่นหัวออกไปนอกรถพวกมันสามารถดมกลิ่นทุกคนที่อยู่บนท้องถนน ถังขยะทุกใบ หย่อมหญ้าน้อยใหญ่ ร้านอาหาร รวมถึงสุนัขตัวอื่น ๆ มันเหมือนกับการดูทีวีสำหรับเรา"

          แม้ว่ากลิ่นจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักสำหรับสุนัข แต่เราไม่ควรประมาทความรู้สึกอื่น ๆ ของสุนัข ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญบางท่านอาจบอกว่าการมองเห็นเป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับสุนัข แต่การลดกระจกนอกจากจะทำให้เห็นภาพและกลิ่นของสถานที่ท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปแล้ว การสัมผัสอากาศที่กระทบบนใบหน้าอาจจะทำให้สุนัขรู้สึกดีมากขึ้นก็ได้

          แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรตัดสินว่าน้องหมาทุกตัวจะต้องชอบการยื่นหัวออกนอกรถนะจ้ะ ยิ่งเป็นน้องหมาตัวเล็ก ๆ ด้วยแล้วคุณทาสควรดูแลอย่างใกล้ชิดเลยน้า

FB: ปลาทู'ปลาช่อน


วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

International I Hate Coriander Day วันเกลียดผักชีสากล


24 ก.พ. 
ถูกกำหนดให้เป็น 
"วันเกลียดผักชีสากล" 
หรือ 
"International I Hate Coriander Day" 

ซึ่งเป็นวันสำคัญที่ประกาศโดยเพจ I Hate Coriander 
เพื่อแสดงจุดยืนของผู้ร่วมต่อต้าน
พืชที่มีรสชาติและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อย่างผักชี 
และร่วมกันรณรงค์ต่อต้านการยัดเยียดผักชี
ลงในจานอาหารอย่างไม่เป็นธรรม 
ไม่ว่าจะใส่เพื่อเป็นส่วนผสมหรือเพื่อตกแต่งก็ตาม

โดยจากการศึกษาพบว่า 
สาเหตุที่คนเกลียดผักชี 
เกิดจากยีนในเซลล์ประสาทรับกลิ่นที่ชื่อว่า OR6A2 
ที่ทำให้รู้สึกว่ากลิ่นผักชีนั้นฉุนมาก 
แถมรสชาติก็เหมือนเคี้ยวสบู่ 
ซึ่งจากการรายงานของ  The Telegraph 
บอกว่ามีคนประมาณ 10% 
ที่ได้รับผลกระทบจากพันธุกรรม
ทำให้รู้สึกว่ากลิ่นของผักชีช่างไม่น่าอภิรมย์ 
ซึ่งผู้หญิงจะเป็นแบบนี้มากกว่า
โดยเฉพาะคนที่มีเชื้อสายจากยุโรป